UFABETWINS เส้นขนานของเจอร์เก้น คล็อปป์ เอฟเอ คัพ

ufabet

UFABETWINS เจอร์เก้น คล็อปป์ มีอะไรหลายๆ อย่างเหมือน บิลล์ แชงค์ลี่ย์

UFABETWINS  ทั้งเรื่องความเป็นผู้นำที่พาทีมฟื้นขึ้นจากจุดตกต่ำสู่ความยิ่งใหญ่ หรือการเรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับคืนมา อย่างไรก็ตามพวก

เขามีความต่างกันในบางเรื่อง ซึ่ง เอฟเอ คัพ คือหนึ่งในนั้น

ufabet

  หนังสืออัตชีวประวัติของ แชงค์ลี่ย์ เผยถึงมุมมองตอนที่ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ครั้งแรก เมื่อปี 1965

“วันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” แชงค์ลี่ย์ กล่าวแบบนั้น ซึ่งมันยากเหลือเกินที่จะจินตนาการว่า คล็อปป์ จะสะท้อนความรู้สึกนั้นในวันนี้

ถ้าเกิดสุดท้าย ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลนี้ สิ่งที่เรียกว่า “ความยอดเยี่ยม” จะถูกนำไปสื่อถึงเหตุผลด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการ

แค่เป็นแชมป์

มันอาจเป็นส่วนหนึ่งในการเป็น ทริปเปิ้ล แชมป์ ครั้งประวัติศาสตร์ แล้วถ้านับรวมแชมป์สโมสรโลก กับ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ เข้าไปด้วย มันก็จะกลาย

เป็นการได้
5 แชมป์ในซีซั่นเดียว

ขณะเดียวกัน มันก็อาจจะทำให้ ลิเวอร์พูล เป็น “ดับเบิล แชมป์ในประเทศ” ที่เคยเป็นคำยกย่องความสำเร็จของ อาร์เซน่อล ชุดฤดูกาล 1970-71

โดยตอนนั้น
เดอะ กันเนอร์ส คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ จากการเอาชนะ ลิเวอร์พูล ของ แชงค์ลี่ย์ และคว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 ไปครอง

นอกจากนี้ หาก ลิเวอร์พูล ของ คล็อปป์ ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ พร้อมกับทำลายสถิติ 100 คะแนนของ แมนฯ ซิตี้ หรือไม่แพ้ใครในลีกตลอดทั้งซีซั่น

ได้เหมือน อาร์เซน่อล พร้อมกันแล้วล่ะก็..

มันก็อาจเป็นความสำเร็จที่ถูกจดจำมากกว่าเป็นแค่แชมป์ เอฟเอ คัพ ครั้งแรกของทีมนับตั้งแต่ปี 2006 ด้วยก็ได้

แต่ยังไงก็ตาม ในแง่ของ เอฟเอ คัพ มันก็มีความเป็นไปได้ที่ คล็อปป์ จะไม่ได้เป็นเหมือน แชงค์ลี่ย์ แต่ เป็น บ็อบ เพสลี่ย์ โดยที่มีความแตกต่างกันเล็กน้อย

  เพสลี่ย์ คือผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษที่ไม่เคยได้สัมผัสแชมป์ เอฟเอ คัพ

  เขามีทั้งเหรียญแชมป์ลีก 6 ครั้ง

3 แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ

3 แชมป์ ลีกคัพ และ 1 แชมป์ ยูฟ่า คัพ

เพสลี่ย์ เป็นคนที่ผ่านเกมรอบรองฯ เอฟเอ คัพ มาเยอะมากทั้งในโปรแกรมปกติและนัดรีเพลย์รวมกัน 8 ครั้ง แต่มีครั้งเดียวเท่านั้นที่เขาเดินสู่

นัดชิงชนะเลิศ ที่ สนาม เวมบลี่ย์ แล้วก็แพ้ต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1977

ความรู้สึกนั้นมันมีความสำคัญต่อ เพสลี่ย์ “เป็นการตัดสินใจวางแท็กติกที่แย่ที่สุดของผมเลย”

เพสลี่ย์ ตัดสินใจเลือก เดวิด จอห์นสัน แทนที่จะเป็น เอียน กัลลาแกน ในนัดชิงฯ ปี 1977

ด้วยความที่ตอนสมัยเป็นผู้เล่น เพสลี่ย์ ไม่มีชื่อติดทีมในนัดชิงฯ เมื่อปี 1950 และเพิ่งรู้ว่าตัวเองโดนผู้จัดการทีมเมินก็ตอนที่หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้น

มาอ่าน

นั่นคือสิ่งที่ทำให้ เอฟเอ คัพ เป็นรายการที่เหมือนเป็นหนามทิ่มแทงใจ เพสลี่ย์ อย่างหนัก

ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เพราะเขาขาดความพยายาม

ช่วงที่ เพสลี่ย์ คุมทีม ลิเวอร์พูล ทีมที่เอาชนะ หงส์แดง ของเขาได้ในศึกเอฟเอ คัพ มีทั้ง อิปสวิช, ดาร์บี้ เจ้าของแชมป์ดิวิชั่น 1 จากซีซั่น

ก่อนหน้า, แมนฯ ยูไน
เต็ด, เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง, อาร์เซน่อล, เอฟเวอร์ตัน, เชลซี อีกรอบ และสุดท้ายคือ ไบรท์ตัน ซึ่งถือว่าเป็นเกมที่ช็อกพอตัว

อย่างไรก็ตามที่จริงแล้วครั้งเดียวที่ทีมของ เพสลี่ย์ แพ้ให้ทีมต่ำชั้นกว่าคือปี 1982 ที่แพ้ต่อ เชลซี ที่ตอนนั้นอยู่ใน ดิวิชั่น 2 เพราะโดยปกติ

แล้ว ลิเวอร์พูล แพ้
ให้หนึ่งในทีมชั้นนำมากกว่า

วันเวลาผ่านไปมาจนถึงปัจจุบัน และ คล็อปป์ ก็พา ลิเวอร์พูล หลุดวงโคจรก่อนเวลาอันควรในถ้วยใบนี้ทุกที

เขาผ่านเกมนัดชิงฯ บอลยุโรป ตอนเดือนมิถุนายน มาหลายครั้งก็จริง แต่กับ เอฟเอ คัพ คล็อปป์ ไม่เคยพาไปได้ไกลเกินเดือนกุมภาพันธ์

หากได้รับชัยชนะเหนือ ชรูว์สบิวรี่ เมื่อปลายเดือนมกราคม มันจะทำให้ คล็อปป์ ไปไกลที่สุดในถ้วยใบนี้

ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ดีจนกลายเป็นแชมป์ยุโรป ส่วนหนึ่งมาจากการที่พวกเขาให้ความสำคัญกับบอลถ้วยในประเทศน้อยลง

อย่างไรก็ดี ปีนี้ ลิเวอร์พูล สร้างปัญหาให้ตัวเอง เมื่อไปได้ไกลกว่าที่คาดเอาไว้ใน คาราบาว คัพ

ประตูตีเสมอจาก ดิว็อค โอริกี้ และการยิงลูกจุดโทษได้เฉียบขาดของ เคอร์ติส โจนส์ ทำให้พวกเขาต้องส่งทีมเยาวชนลงเล่นในเกมกับ แอสตัน

วิลล่า

จากโปรแกรมที่ต้องลงเล่นหลายนัด และอาการบาดเจ็บแวะเวียนถามหาผู้เล่น ทำให้ คล็อปป์ อาจทำใจยอมรับแล้วว่าคงจะตกรอบ เอฟเอ คัพ

ตั้งแต่หัววัน

คล็อปป์ จัดทีมชุดที่ไม่แข็งเท่าไหร่ลงเล่นกับ เอฟเวอร์ตัน ในรอบ 3 และมันเสี่ยงต่อการเสียสถิติไม่แพ้ทีมเพื่อนบ้าน ใน แอนฟิลด์ นาน 20 ปี

แต่สุดท้าย กลายเป็น โจนส์ ที่ช่วยทำให้ ลิเวอร์พูล ชนะได้อีก 1 นัด และการจับไปเจอกับทีมอันดับ 16 ของ ลีก วัน ก็ทำให้โปรแกรมมันชุกมาก

กว่าเดิม

4 ครั้งที่ผ่านมา เส้นทางของ คล็อปป์ ในเอฟเอ คัพ ถูกหยุดโดย เวสต์แฮม, วูล์ฟส์, เวสต์บรอม และ วูล์ฟส์ (อีกครั้ง)

ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นการพ่ายแพ้ต่อ วูล์ฟส์ ตอนที่ทีมหมาป่าเป็นทีมระดับกลางๆ ในแชมเปี้ยนชิพ เมื่อซีซั่น 2016/17 ส่วนซีซั่น 2017/18 ก็แพ้ต่อ

เวสต์บรอม ที่กำลังส่อร่วงลงไปเล่นในลีกต่ำกว่า

ส่วนการแพ้ เวสต์แฮม กับ วูล์ฟส์ เมื่อปีก่อนนั้น อย่างน้อยก็เป็นทีมที่อยู่ในอันดับเลขตัวเดียวของ พรีเมียร์ลีก

ถึงกระนั้น ย้อนไปปี 2016 ในความพ่ายแพ้ต่อ เวสต์แฮม เราได้เห็นนักเตะอย่าง ติอาโก้ อิลอรี่, จอน ฟลาเนแกน, แบร็ด สมิธ, จอร์ดอน ไอบ์, เควิน

สจ๊วร์ต, ชูเอา เตเซย์ร่า และ เปโดร ชิริเบย่า

ปีต่อมา 2017 ก็ส่ง เบน วู้ดเบิร์น, โอวี่ย์ เอจาเรีย และ คอนเนอร์ แรนดอลล์

ส่วนปี 2018 เรียกว่า คล็อปป์ จัดชุดใหญ่ก็ว่าได้ มีทั้ง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แต่ กลับแพ้ เวสต์บรอม แบบสุดช็อกคา แอนฟิลด์ แต่อีก 4 เดือนต่อมานักเตะกลุ่มนี้ก็ลงเล่นนัดชิงฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ เคียฟ

  อย่างไรก็ตาม ทีมชุดที่ลงเล่น เอฟเอ คัพ เมื่อปีก่อน เต็มไปด้วยผู้เล่นที่ไม่ได้เป็นตัวหลัก ส่วนหนึ่งเพราะ ลิเวอร์พูล โดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน

ตอนนั้นคนที่ลงเป็นตัวจริงมีทั้ง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, ซิมง มิโญเล่ต์ และ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ที่ต่างเหลือสัญญากับทีมไม่กี่เดือน รวมถึงผู้เล่นจากทีม

เยาวชนอย่าง โจนส์ กับ คี-ยาน่า ฮูเฟอร์

ถึงตอนนี้ ทีมแมวมองของ ชรูว์สบิวรี่ ต้องไปวิเคราะห์เกมกับ เอฟเวอร์ตัน รวมถึงศึกษาคลิปจากทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีอย่างเต็มที่

แนต ฟิลลิปส์, เนโก วิลเลี่ยมส์, ยาสเซอร์ ลารูชี่, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, ชิริเบย่า และ โจนส์ คงโดนทีมงาน ชรูว์สบิวรี่ จับตามองอย่างหนัก เพราะอย่างที่

คล็อปป์ บอกคือ ทีมชุดใหญ่จะไม่มีส่วนร่วมกับเกมรีเพลย์ที่ แอนฟิลด์

บางทีอาจเรียกได้ว่า เอฟเอ คัพ กลายเป็นเหยื่อ(ทิ้ง)ของความสำเร็จของ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว

ในท้ายที่สุด หาก ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายชนะความน่าตื่นเต้นคือเราได้เห็นเด็กๆ เล่นกันอย่างเต็มที่ใส่ให้สุดเพื่อเป็นขวัญตาของแฟนบอล

แต่หากผลการแข่งขันเกิดขึ้นในทางตรงกันข้าม คล็อปป์ ก็จะสร้างประวัติศาสตร์ที่ แอนฟิลด์ เพราะมันไม่เคยมีผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล คนไหนที่ไม่สามารถพาทีมเข้าถึงรอบ 5 เอฟเอ คัพ ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในการนำทีมลงเล่น เอฟเอ คัพ 5 หนแรก

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ คล็อปป์ ก็จะกลายเป็นผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ที่ประสบความสำเร็จน้อยที่สุดใน เอฟเอ คัพ

  แต่ต่อให้เขาได้ฉายานั้นมาครอง คล็อปป์ ก็ยังสามารถปลอบตัวเองได้ด้วยการคว้าแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สโมสรรอมา 30 ปี

คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/

อ่านข่าวอื่นๆที่ >>> https://muratacreative.com/